Mitsubishi XFORCE HEV รถ SUV 5 ที่นั่ง ตัวคุ้ม ตอบโจทย์ทุกการใช้งานอย่างลงตัว

ดีไซน์และการออกแบบภายนอกที่โดดเด่น

Mitsubishi XFORCE HEV นับเป็น SUV 5 ที่นั่ง ถูกพัฒนาภายใต้แนวคิด SILKY & SOLID ที่ผสานความหนักแน่น แข็งแกร่งของตัวรถ เข้ากับความพริ้วไหวของการขับขี่ไว้อย่างลงตัว เสริมด้วยการออกแบบด้านหน้ารถดีไซน์ใหม่ ADVANCED DYNAMIC SHIELD ที่ขับความโดดเด่นของไฟหน้าและไฟท้ายผ่าน ICONIC T-SHAPE DESIGN ตามแบบฉบับของ Mitsubishi ที่หลายคนคุ้นเคยกันดี
 

นอกจากนี้ มิติตัวถังภายนอกยังมีความยาวถึง 4,390 มิลลิเมตร กว้าง 1,810 มิลลิเมตร สูง 1,650 มิลลิเมตร ถือว่ามีมิติตัวถังที่ใหญ่โตกว่าหลายแบรนด์ในท้องตลาด และระยะฐานล้อที่มากถึง 2,650 มิลลิเมตร ส่งผลให้พื้นที่โดยสารภายในมีขนาดที่กว้างขวาง เพียงพอต่อทุกการใช้งาน


สำหรับการตกแต่งและอุปกรณ์ภายนอกนั้น ทั้ง 3 รุ่นจะได้ไฟหน้า-ไฟท้าย Full-LED รูปทรง T-Shape ล้ออัลลอยสีทูโทนขนาด 18 นิ้วเหมือนกัน โดยที่รุ่น Ultimate จะเพิ่มชุดตกแต่งกระจังหน้าสีเงิน ไฟตัดหมอกคู่หน้า LED ฝาท้ายไฟฟ้า Power tailgate พร้อม Kick Sensor พร้อมเซ็นเซอร์กะระยะรอบคัน 8 ตำแหน่ง พร้อมทางเลือกสีขาวหลังคาดำ และสำหรับรุ่น Ultimate X จะได้รับการอัปเกรดด้วยชุดแต่งภายนอก ทั้งชุดอุปกรณ์ตกแต่งชายกันชนด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง ชุดตกแต่งสปอยเลอร์หลัง สัญลักษณ์ XFORCE บนฝากระโปรงหน้า และฝาครอบบันไดสเตนเลส พร้อมไฟ LED

อุปกรณ์ภายนอก (รุ่น IGNITE)

● ไฟหน้า และไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED

● ไฟท้าย แบบ LED สี Smoke

● ระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติ

● กระจกบังลมหน้า แบบกันเสียงรบกวน

● กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวแบบ LED

● กระจกมองข้างปรับ และพับไฟฟ้า

● ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบอัตโนมัติ

● สปอยเลอร์หลัง พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED

● เสาอากาศแบบครีบฉลาม

 

อุปกรณ์ภายนอก (เพิ่มมาสำหรับรุ่น ULTIMATE)

+ ไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED

+ ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบแฮนด์ฟรี

+ ชุดตกแต่งกระจังหน้า

 

อุปกรณ์ภายนอก (เพิ่มมาสำหรับรุ่น ULTIMATE X)

+ ชุดอุปกรณ์ตกแต่งชายกันชนด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง

+ ชุดตกแต่งสปอยเลอร์หลัง

+ สัญลักษณ์ XFORCE บนฝากระโปรงหน้า

+ ฝาครอบบันไดสเตนเลส พร้อมไฟ LED

 

เมื่อมาดูดีๆ แล้ว เห็นได้ชัดว่าในรุ่น IGNITE ได้ให้ฟีเจอร์ภายนอกมาอย่างครบครันและเพียงพอต่อการใช้งาน โดยในรุ่น ULTIMATE และ ULTIMATE X จะเป็นการเสริมชุดตกแต่ง ระบบไฟฟ้าประตูท้าย และไฟตัดหมอกสำหรับการใช้งานที่สะดวกสบายไปอีกขั้น 

XFORCE HEV ยกระดับความสบายด้วยดีไซน์ที่เร้าใจทุกประสาทสัมผัส

ในส่วนของการออกแบบภายในจะให้ความสำคัญกับรูป กลิ่น เสียง โดยมีจุดเด่นตั้งแต่สีภายในห้องโดยสารสีดำ และในรุ่นเริ่มต้นมีการติดตั้งเบาะนั่งคนขับปรับระดับ 6 ทิศทาง โดยเบาะนั่งของ XFORCE ยังเป็นเบาะหนังสังเคราะห์ที่มาพร้อมคุณสมบัติสะท้อนความร้อน อันเป็นเอกลักษณ์ของรถ Mitsubishi จึงตอบโจทย์การใช้งานในประเทศไทยที่เป็นเมืองร้อนอย่างมาก สำหรับห้องโดยสารมีการออกแบบเบาะให้นั่งสบายในทุกตำแหน่งภายในพื้นที่อันกว้างขวาง พร้อมรองรับความอเนกประสงค์ด้วยการพับเบาะหลังแบบ 40:20:40 ที่ช่วยรองรับความยืดหยุ่นในการจัดเก็บสัมภาระได้เป็นอย่างดี

 

นอกจากนี้ยังมีการเลือกใช้ระบบฟอกอากาศ nanoe™ X ระบบฟอกอากาศและกำจัดกลิ่นภายในห้องโดยสารจาก Panasonic ที่นอกจากจะช่วยยับยั้งแบคทีเรีย ไวรัสและเชื้อราแล้ว ยังช่วยให้ผิวชุ่มชื้น แถมยังช่วยให้ผม นุ่มลื่นขึ้นอีกด้วย2 ยิ่งไปกว่านั้น จุดที่พักแขนบริเวณคอนโซลกลางยังมาพร้อม Drink Cooler ที่ลมจากแอร์ช่วยเก็บความเย็นของเครื่องดื่ม ซึ่งถือได้ว่าเหมาะสมต่อการใช้งานในเมืองร้อนอย่างประเทศไทยด้วยเช่นกัน

 

ทั้งหมดทั้งมวล ฟีเจอร์เด่นๆ เหล่านี้ ได้รับการติดตั้งมาตั้งแต่รุ่น IGNITE จึงมั่นใจได้ว่า XFORCE HEV มีสเปกในรุ่นเริ่มต้นที่มีความคุ้มค่าไม่น้อยหน้าไปกว่ารุ่นย่อยอื่นๆ เรียกได้ว่าครบจบในทุกฟังก์ชันการใช้งาน

 

ในขณะที่รุ่น ULTIMATE และ ULTIMATE X จะเน้นการอัปเกรดดีเทลและความสะดวกสบายเป็นหลัก เช่นการใช้สีทูโทน Melange-Mocha ของดีไซน์ภายใน เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง และกระจกมองหลัง แบบปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ เป็นต้น

 

อุปกรณ์ภายใน XFORCE HEV รุ่น IGNITE

● สีภายในห้องโดยสาร: สีดำ

● มาตรวัดการขับขี่แบบ LCD ขนาด 8 นิ้ว

● สวิตช์ปรับโหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ

● ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกปรับอุณหภูมิอิสระ ซ้าย-ขวา

● ระบบฟอกอากาศ nanoe™ X

● ช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง

● ช่องปรับอากาศบริเวณหัวเข่าด้านคนขับ

● กระจกหน้าต่างไฟฟ้า พร้อมปรับขึ้น-ลงอัตโนมัติด้านคนขับ

● แผงบังแดดคู่หน้า พร้อมกระจกแต่งหน้าแบบมีฝาปิด และไฟส่องสว่างแบบ LED

● ไฟห้องโดยสารแบบ LED

● ไฟอ่านแผนที่คู่หน้าแบบ LED

● พวงมาลัยหุ้มหนังแบบปรับ 4 ทิศทาง สูง-ต่ำ และเข้า-ออก

● เกียร์ Electric Shift หุ้มหนัง

● กุญแจอัจฉริยะ KOS พร้อม ปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์

● เบาะหนังสังเคราะห์ พร้อมคุณสมบัติสะท้อนความร้อน: สีดำ

● เบาะนั่งคนขับปรับระดับ 6 ทิศทาง

● พนักพิงหลังเบาะผู้โดยสารตอนหลัง แยกพับแบบ 40:20:40

● พนักพิงหลังเบาะผู้โดยสารตอนหลัง ปรับเอนได้ 8 ระดับ

● ที่พักแขนบริเวณคอนโซลกลาง พร้อม Drink Cooler

● ที่พักแขนบริเวณแถวสอง พร้อมช่องวางแก้ว และช่องเสียบโทรศัพท์

● ช่องใส่ขวดน้ำข้างประตูคู่หน้า และคู่หลัง

● ช่องเก็บของอเนกประสงค์ หลังเบาะนั่งคู่หน้า

● กล่องเก็บของใต้ห้องเก็บสัมภาระ พร้อมฝาปิด

 

อุปกรณ์ภายใน XFORCE HEV ที่เพิ่มมาสำหรับรุ่น ULTIMATE และ ULTIMATE X

+  สีภายในห้องโดยสาร: สีเทา-น้ำตาล พร้อมตกแต่งผ้าชนิดพิเศษ

+  กระจกมองหลัง แบบปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ

+  เบาะหนังสังเคราะห์ พร้อมคุณสมบัติสะท้อนความร้อน: สีดำ-น้ำตาล

+  เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง

+  แผ่นกั้นห้องสัมภาระ

เร้าใจในทุกเส้นทาง กับระบบความบันเทิงเต็มรูปแบบ

สำหรับความบันเทิงภายในรถนั้น เรียกได้ว่าครบครันตั้งแต่รุ่น IGNITE ด้วยหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว ระบบเชื่อมต่อสมาร์ตโฟนแบบไร้สาย จนถึงช่องชาร์จไฟที่ครบครันทั้ง USB-A และ USB-C  โดยสิ่งที่แตกต่างเมื่ออัปเกรดเป็นรุ่น ULTIMATE จะเป็นฟีเจอร์ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย และในรุ่น ULTIMATE X จะมีไฮไลต์อยู่ที่ยกระดับลำโพงให้เป็น 8 ตำแหน่ง และระบบเสียง Dynamic Sound Yamaha Premium ที่ทาง Yamaha พัฒนาขึ้นสำหรับ XFORCE โดยเฉพาะ พร้อม 4 โหมดเสียงพิเศษ (Signature, Lively, Powerful และ Relaxing) ที่เมื่อรวมกับบรรยากาศที่เก็บเสียงดีของตัวรถแล้ว ก็ยิ่งช่วยให้ได้รายละเอียดเสียงที่คมชัด แยกรายละเอียดของเสียงได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้ อีกหนึ่งสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของรุ่น ULTIMATE X คือการติดตั้ง Ambient Light ไฟสร้างบรรยากาศที่สะท้อนความไฮเอนด์ให้กับตัวรถไปอีกระดับ

ระบบความบันเทิง XFORCE HEV รุ่น IGNITE

● หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว

● รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ตโฟน

● ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย

● รองรับระบบสั่งงานด้วยเสียง

● ระบบเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย

● สวิตช์ควบคุมระบบเครื่องเสียงและโทรศัพท์ บนพวงมาลัย

●  สวิตช์ควบคุมหน้าจอแสดงผลการขับขี่ บนพวงมาลัย

●  ช่องต่ออุปกรณ์ USB-A และ USB-C บริเวณด้านหน้า

●  ช่องชาร์จไฟ USB-A และ USB-C สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง

●  ช่องจ่ายกระแสไฟ DC 12 โวลต์ บริเวณด้านหน้า

●  ลำโพง 6 ตำแหน่ง

 

ระบบความบันเทิง XFORCE HEV (เพิ่มมาสำหรับรุ่น ULTIMATE)

+ ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย

 

ระบบความบันเทิง XFORCE HEV (เพิ่มมาสำหรับรุ่น ULTIMATE X)

+ ลำโพง 8 ตำแหน่ง

+ ระบบเสียง Dynamic Sound Yamaha Premium

+ ไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light

มั่นใจทุกสภาพถนน ด้วยเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงประสิทธิภาพ

ในส่วนของเครื่องยนต์นั้น XFORCE HEV มีจุดเด่นที่ระบบ e:MOTION ที่ผสานเครื่องยนต์ฟูลไฮบริด 1.6 ลิตร MIVEC DOHC เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงที่ส่งกำลังแบบ 2 จังหวะ (2-speed Transaxle) โดยจุดนี้จะช่วยปรับเปลี่ยนการทำงานของระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติไปตามการขับขี่ และสภาพถนนตั้งแต่ออกตัว โดยมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 24.4 กิโลเมตร/ลิตร

 

นอกจากนี้ ระบบ e:MOTION ยังมีจุดเด่นอีก 2 ฟีเจอร์ใหญ่ๆ คือ รวมถึงระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง AYC (Active Yaw Control) ที่ช่วยเพิ่มสเถียรภาพและการยึดเกาะในขณะเข้าโค้ง และโหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้จากปลายนิ้วสัมผัส โดยทั้งหมดนี้ ได้ทำการใส่มาตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นอย่าง IGNITE จึงวางใจได้ในสมรรถนะของทั้ง 3 รุ่น

โหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ

 

● Normal Mode เป็นโหมดที่สมดุลและเหมาะสมที่สุดสำหรับการขับขี่ทั่วไปในชีวิตประจำวัน

● Wet Mode เหมาะสำหรับการขับขี่บนถนนที่เปียกลื่น ช่วยป้องกันการลื่นไถล โดยเฉพาะเวลาที่รถต้องขึ้นเขาในยามที่ฝนตก

● Gravel Mode เหมาะสำหรับการขับขี่บนทางทางลูกรัง เพิ่มเสถียรภาพการขับขี่บนพื้นผิวถนนที่ลื่นและขรุขระ ถือเป็นโหมดที่ตอบโจทย์ขาลุย Off-Road เวลาท่องเที่ยวต่างจังหวัด

● Tarmac Mode เป็นที่รู้จักกันดีในอีกชื่อว่าโหมด Sport ช่วยให้รถออกตัวแรง เหมาะกับการขับขี่บนถนนลาดยาง ที่ให้พละกำลังและการควบคุมการขับขี่ที่คล่องตัว

● Mud Mode โหมดที่ใช้รับมือเมื่อต้องขับไปเจอกับพื้นโคลนโดยไม่คาดหมาย ช่วยเพิ่มการตอบสนองและการควบคุมที่ทรงพลังบนถนนดินโคลนอย่างสมบุกสมบัน

● EV โหมดการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า โดยใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ 100% ทำให้สามารถจอดรถแบบเปิดแอร์ได้ 20-30 นาที (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ) เหมาะแก่การจอดรถซื้อของ หรือพ่อแม่ที่กำลังรอรับลูก

● EV Charge โหมดการชาร์จพลังงานไฟฟ้าขณะขับขี่ โดยโหมดนี้สามารถช่วยเร่งในการชาร์จไฟให้เต็มเร็วขึ้นได้

 

ในส่วนของการทำงานแต่ละโหมดได้ผ่านการทดสอบวิ่งในเส้นทางทั่วประเทศไทยกว่า 100,000 กิโลเมตร จึงมั่นใจได้ว่าโหมดการขับขี่ทั้ง 7 รูปแบบนั้นครอบคลุมกับสภาพถนนและการใช้งานในประเทศไทยอย่างแน่นอน

 

ในส่วนของระบบความปลอดภัยของ XFORCE ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ใส่มาอย่างครอบคลุมตั้งแต่รุ่น IGNITE ผ่านระบบเชิงป้องกัน (Active Safety) ด้วยระบบ Diamond Sense ที่อาศัยกล้องด้านหน้า เรดาร์ และเซ็นเซอร์ Ultra Sonic ร่วมกันตรวจจับวัตถุที่อยู่รอบตัวรถ และระบบความปลอดภัยเชิงปกป้อง (Passive Safety) ที่มาพร้อมถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง โดยจะมีจุดแตกต่างในรุ่น ULTIMATE และ ULTIMATE X ที่เพิ่มกล้องรอบคันและระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวรอบคัน เซ็นเซอร์กะระยะจอด และระบบตรวจสอบลมยาง และไม่ว่าจะเป็นรุ่นไหนก็มั่นใจในความปลอดภัยของ XFORCE ได้จากการการันตีผลทดสอบมาตรฐานความปลอดภัย ASEAN NCAP ที่ได้ระดับ 5 ดาวมาแล้ว

ระบบความปลอดภัย XForce HEV รุ่น IGNITE
 

● ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ - AHB

● ระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ - ACC

● ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว - FCM

● ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา - BSW

● ระบบสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน - LCA

● ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด - RCTA

● ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ - LCDN

● ถุงลม 6 ตำแหน่ง - ด้านคนขับ ผู้โดยสารตอนหน้า ด้านข้าง และม่านถุงลม

● ระบบควบคุมการขับเคลื่อน และสมดุลขณะเข้าโค้ง - AYC

● ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว - ASC

● ระบบป้องกันการลื่นไถล - TCL

● ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน - HSA

● ระบบป้องกันล้อล็อก ขณะเบรก - ABS

● ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรก แบบอิเล็กทรอนิกส์ - EBD

● ระบบเสริมแรงเบรก - BA

● ระบบเบรกมือควบคุมด้วยไฟฟ้าอัตโนมัติ พร้อมระบบ Brake Auto Hold

● ระบบไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติ ขณะเบรกกะทันหัน - ESS

● ระบบไฟสว่างอัตโนมัติเมื่อปลดล็อก และระบบไฟน่าทางหลังดับเครื่องยนต์

● ระบบป้องกันการโจรกรรม และระบบสัญญาณกันขโมย

● เซ็นทรัลล็อก พร้อมระบบล็อกประตูรถอัตโนมัติเมื่อรถมีความเร็ว

● ระบบล็อกป้องกันการเปิดประตูหลังจากภายใน

● ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัย ผู้โดยสารด้านหน้า และด้านหลัง

● เข็มขัดนิรภัย ELR 3 จุด

● เข็มขัดนิรภัยพร้อมระบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ (ด้านคนขับและผู้โดยสารด้านหน้า)

● จุดยืดเบาะนั่งสำหรับเด็ก ISOFIX 2 ตำแหน่ง

● กล้องมองภาพด้านหลัง ขณะถอยจอด

 

ระบบความปลอดภัย XFORCE HEV ที่เพิ่มมาในรุ่น ULTIMATE และ ULTIMATE X

+ กล้องมองภาพรอบคัน - MAM

+ ระบบตรวจจับการเคลื่อนไหว และแจ้งเตือนจากกล้องรอบคัน - MOD

+ ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง - TPMS

+ เซนเซอร์กะระยะจอด ด้านหน้า 4 ตำแหน่ง และด้านหลัง 4 ตำแหน่ง

 

สำหรับจุดเด่นของ XFORCE HEV นอกเหนือจากฟีเจอร์ที่ให้มาอย่างครบครันไม่ว่าจะรุ่นไหนๆ ที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้ว สิ่งที่ทำให้ XFORCE HEV มีความน่าสนใจเป็นพิเศษที่ขาดไม่ได้ คือการปรับจูนการทำงานของเครื่องยนต์ให้เข้ากับถนนในประเทศไทยโดยเฉพาะ โดยมีการทดสอบบนเส้นทางทั่วไทยกว่า 100,000 กิโลเมตร ทำให้ XFORCE HEV ถือได้ว่าเป็นรุ่นที่เข้าใจการขับขี่ในบ้านเราได้อย่างแท้จริง

 

H2 เปรียบเทียบ XFORCE HEV ตามฟีเจอร์และราคา

รุ่น

ราคา

สี

หลังคา Two-Tone

ไฮไลต์ฟีเจอร์เด่น

IGNITE

899,000

สีขาวมุก (White Diamond), สีเงิน (Blade Silver), สีเทา (Graphite Gray)

No

●      Diamond Sense พร้อมถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง

●      ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว

●      ระบบฟอกอากาศ nanoe™ X

ULTIMATE

1,039,000

สีขาวมุก หลังคาดำ (White Diamond with Black Roof), สีเงิน (Blade Silver), สีเทา (Graphite Gray), สีดำ (Jet Black Mica)

 

Yes (เฉพาะ สีขาวมุก (White Diamond))

●      ประตูท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติ พร้อมระบบแฮนด์ฟรี

●      เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง

●      กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา

ULTIMATE X

1,089,000

สีขาวมุก หลังคาดำ (White Diamond with Black Roof), สีเทา หลังคาดำ (Graphite Gray with Black Roof), สีเหลือง หลังคาดำ (Energetic Yellow with Black Roof), สีแดง หลังคาดำ (Spirit Red with Black Roof), สีดำ (Jet Black Mica)

 

 

 

Yes

●      ระบบเสียง Dynamic Sound Yamaha Premium

●      ไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light

●      ชุดอุปกรณ์ตกแต่งรอบคัน

 

สรุปความคุ้มค่าของ XFORCE HEV ในแต่ละรุ่นย่อย

 

● IGNITE - คุ้มค่าและเพียงพอต่อการใช้งาน ด้วยฟีเจอร์เด่นๆ ที่ครบครัน

● ULTIMATE - เพิ่มตัวเลือกสี เพิ่มฟีเจอร์อำนวยความสะดวก

● ULTIMATE X - เพิ่มตัวเลือกสี เพิ่มชุดตกแต่งรอบคัน เพิ่มฟีเจอร์อำนวยความสะดวก อัปเกรดระบบความบันเทิงเต็มรูปแบบ

 

มาถึงตรงนี้เราจะสามารถเห็นได้ชัดแล้วว่า XFORCE HEV มีการใส่ฟีเจอร์พื้นฐานมาอย่างครบครันตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น สิ่งที่แตกต่างหลักๆ จึงเป็นเรื่องของตัวเลือกสี ฟีเจอร์เสริม และอุปกรณ์เสริมต่อยอดทั้งในเชิงความสะดวกสบาย ประสบการณ์ความบันเทิง และความสวยงามของรถ การเลือกรุ่นย่อยให้ตอบโจทย์จึงขึ้นอยู่กับงบประมาณ และความต้องการในการใช้งานฟีเจอร์เสริมให้เต็มรูปแบบ รวมไปถึงสีของรถที่เป็นสีเฉพาะของบางรุ่นเท่านั้น นอกเหนือจากนี้จึงวางใจได้ตั้งแต่รุ่น IGNITE ว่ามีสเปกที่คุ้มค่าและเพียงพอต่อการขับขี่อย่างแน่นอน หากอยากประเมินงบประมาณคร่าวๆ เพื่อช่วยตัดสินใจ สามารถคำนวณค่าใช้จ่ายเบื้องต้นได้ ที่นี่

 

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q1: XFORCE HEV มีจุดเด่นอย่างไร?

A: XFORCE HEV เป็นรถไฮบริด SUV มีตัวถังที่ใหญ่และพื้นที่โดยสารกว้างขวาง เครื่องยนต์ประหยัดน้ำมัน ช่วงล่างถูกปรับจูนให้เข้ากับถนนในประเทศไทยโดยเฉพาะ

 

Q2: เครื่องยนต์ XFORCE ประหยัดน้ำมันไหม?

A: เครื่องยนต์ XFORCE เป็น Full Hybrid 107 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 134 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที โดยมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 24.4 กม./ลิตร

 

Q3: XFORCE มีระบบความปลอดภัยอะไรบ้าง?

A: XFORCE มีฟีเจอร์ความปลอดภัยรอบคัน Diamond Sense ตั้งแต่รุ่น IGNITE และผ่านการทดสอบมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาวจาก ASEAN NCAP

 

Q4: ห้องโดยสาร XFORCE กว้างไหม?

A: ห้องโดยสารภายในของ XFORCE มีความกว้างขวาง ด้วยระยะฐานล้อ ระยะฐานล้อ 2,650 มม. ถูกออกแบบให้นั่งสบายทุกตำแหน่ง พนักพิงหลังเบาะสามารถแยกพับแบบ 40:20:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่การเก็บของได้