Mitsubishi Xpander HEV รถครอบครัว 7 ที่นั่ง ที่ยกระดับการขับขี่ไปอีกขั้นในทุกเส้นทาง
รถยนต์ MPV คืออะไร? ทำไมถึงเป็นที่นิยมในตลาดประเทศไทย?
เมื่อพูดถึงรถอเนกประสงค์ หลายคนอาจนึกถึงรถ SUV (Sport Utility Vehicle) โดยมีภาพจำอยู่ที่ความสมบุกสมบันและการใช้งานที่หลากหลาย แต่สำหรับรถ MPV (Multi-Purpose Vehicle) จะต่างออกไปด้วยรูปลักษณ์ที่เป็นทรงเหลี่ยมและมีห้องโดยสารขนาดใหญ่ เพื่อเน้นการรองรับผู้โดยสารมากขึ้น ด้วยจำนวนที่ไม่ต่ำกว่า 6 ที่นั่ง นอกจากนี้ยังมีการใช้งานที่ยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนที่นั่งให้สลับไปรองรับการจัดเก็บของได้ และด้วยตัวรถที่ยกสูงไม่มาก ผู้สูงอายุสามารถขึ้น-ลงง่าย สิ่งเหล่านี้เองทำให้ MPV ขึ้นชื่อว่าเป็นรถอเนกประสงค์สำหรับครอบครัว
สำหรับ Xpander HEV ถือเป็นรถ MPV 7 ที่นั่ง ที่มีเสียงตอบรับในตลาดประเทศไทยที่ดีอย่างต่อเนื่อง ด้วยการใช้งานที่ตอบโจทย์ครอบครัวใหญ่ ผสานความเป็น Full Hybrid ที่ช่วยประหยัดน้ำมัน ด้วยเหตุนี้ Xpander HEV จึงก้าวมาเป็นตัวเลือกของผู้ใช้รถชาวไทยอันดับต้นๆ อย่างไม่ต้องสงสัย
ปัจจุบัน Xpander มีการแบ่งออกเป็น 2 รุ่นใหญ่ๆ คือ Xpander HEV และ Xpander Cross HEV โดยมี Xpander HEV PLAY และ Xpander Cross HEV PLAY เพิ่มเข้ามาในปี 2025 ซึ่งถือเป็น Edition ใหม่ที่มีการปรับเพิ่มชุดแต่งรอบคันเพื่อเติมเต็มทุกการใช้งานให้ดียิ่งขึ้น
การออกแบบภายนอกที่โดดเด่นตามแบบฉบับของ Mitsubishi
สำหรับ Xpander HEV มีดีไซน์หน้ารถที่โดดเด่นด้วยการออกแบบกระจังหน้าแบบ SEAMLESSLY DESIGNED GRILLE WITH ACCENT พร้อมแถบตกแต่ง ที่นอกจากจะดูทรงพลังมีเอกลักษณ์และช่วยในเรื่องความปลอดภัยแล้ว ยังสะท้อนความเป็นสปอร์ตด้วยลายกระจังที่ดุดัน โดยมีจุดศูนย์ถ่วงระยะต่ำ เพิ่มประสิทธิภาพในการเกาะถนน และความสูงใต้ท้องรถ 205 มม. ที่อำนวยความสะดวกในการก้าวขึ้น-ลงได้สะดวกสบาย มาพร้อมไฟหน้าตัดหมอกแบบ LED ที่ใช้ระบบควบคุมการเปิด-ปิดแบบอัตโนมัติ ช่วยให้ปลอดภัยเมื่อต้องขับขี่ในเวลากลางคืน แน่นอนว่าด้วยมิติของตัวถังที่ยาว 4,595 มิลลิเมตรและกว้าง 1,750 มิลลิเมตร จึงกว้างขวางเพียงพอต่อการใช้งานทั้งในเมืองหรือต่างจังหวัดในทุกรูปแบบ
มิติตัวถัง
ยาว 4,595 มิลลิเมตร
กว้าง 1,750 มิลลิเมตร
สูง 1,750 มิลลิเมตร
ระยะฐานล้อ Wheelbase 2,775 มิลลิเมตร
ระยะต่ำสุดถึงพื้น Ground Clearance 205 มิลลิเมตร
สำหรับสีของ Xpander HEV จะมีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 3 สี และมี 1 สีที่เพิ่มเข้ามาสำหรับ Xpander Cross HEV คือสีเขียวบรอนซ์ หลังคาดำ ซึ่งเป็นสีเขียวที่ให้ความรู้สึกสมบุกสมบันตามชุดแต่งและอุปกรณ์เสริมที่เพิ่มเข้ามา
รุ่น (Model) |
รายการสี (Color) |
Xpander HEV |
สีขาวมุก หลังคาดำ (White Diamond with Black Roof) |
|
สีเทา (Graphite Gray) |
|
สีเงิน (Blade Silver) |
Xpander Cross HEV |
สีขาวมุก หลังคาดำ (White Diamond with Black Roof) |
|
สีเขียวบรอนซ์ หลังคาดำ (Green Bronze with Black Roof) |
|
สีเทา (Graphite Gray) |
|
สีดำ (Jet Black Mica) |
ความสบายภายในห้องโดยสารของ Xpander HEV
อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ Xpander HEV โดดเด่นเหนือกว่าคู่แข่งคือความสบายในการขับขี่ ด้วยการใช้วัสดุซับเสียงและกันเสียงรอบคัน จึงช่วยให้เงียบสบายตลอดการเดินทาง อีกทั้งยังมีการใช้เบาะหนังสังเคราะห์ที่มาพร้อมคุณสมบัติสะท้อนความร้อน (HEAT GUARD) และระบบปรับอากาศด้านหลังแบบแยกส่วน ผู้โดยสารสามารถปรับอุณหภูมิเองได้ จึงหายห่วงได้ในเรื่องของความเย็นสบายเมื่อต้องเดินทางพร้อมกันหลายคน นอกจากนี้ยังมีดีเทลเล็กๆ ที่ Mitsubishi สอดแทรกมาในเรื่องของการอำนวยความสะดวก อย่างช่องเก็บน้ำและของจุกจิกที่กระจายอยู่ในทุกๆ แถวโดยสารที่รวมกันแล้วสามารถเก็บได้กว่าเกือบๆ 20 ขวด จึงรองรับการเดินทางระยะไกลได้เป็นอย่างดี
และไฮไลต์ที่ขาดไม่ได้สำหรับภายในห้องโดยสาร คือพื้นที่อันกว้างขวางสำหรับ 7 ที่นั่ง มีความสูง 1,750 มม. ที่เพียงพอให้คนตัวสูงสามารถนั่งโดยสารได้สบายๆ และเบาะที่ปรับพับอิสระได้ถึง 7 แบบ พร้อมรองรับการใช้งานในทุกรูปแบบและไลฟ์สไตล์ สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่โดยสารให้เป็นพื้นที่ขน สัมภาระให้มากขึ้นได้ ทำให้ไม่ว่าจะนั่งหรือนอนหรือขนของก็สามารถทำได้ไม่มีติดขัด
ระบบความบันเทิงที่ครบครันใน Xpander HEV
ระบบความบันเทิง
● หน้าจอเครื่องเสียงระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 10 นิ้ว
● รองรับ Apple CarPlay / Android Auto
● ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth
● ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหน้า 1 ตำแหน่ง
● ช่องชาร์จไฟ USB Type-A 1 ตำแหน่ง / Type-C 1 ตำแหน่ง สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
● ช่องชาร์จไฟ 12V ด้านหน้า 1 ตำแหน่ง / บริเวณเบาะนั่งแถวหลัง 1 ตำแหน่ง
● ลำโพง 6 ตำแหน่ง
ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย Wireless Charger
Mitsubishi e:MOTION ใน Xpander HEV คืออะไร ช่วยในการขับขี่อย่างไร?
สำหรับระบบขับเคลื่อนของ Xpander HEV นั้น ทำงานภายใต้คอนเซปต์ Mitsubishi e:MOTION ที่ผสานการทำงานของ 3 เทคโนโลยีจาก Mitsubishi Motors ไว้ด้วยกัน ได้แก่
- ระบบขับเคลื่อน Full Hybrid (HEV System) เต็มรูปแบบ ที่ผสานการทำงานของเครื่องยนต์ 1.6L MIVEC และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง ช่วยเปลี่ยนการทำงานของระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติให้ดีขึ้นตั้งแต่การออกตัว การขับขี่ความเร็วต่ำและสูงอย่างราบรื่น และที่สำคัญยังช่วยในเรื่องของอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงได้ดีเยี่ยม ซึ่งสามารถสรุปเป็นจุดเด่นด้วยกันคือ
- ขับขี่นุ่มนวล ไร้เสียงรบกวน
- อัตราเร่งดีเยี่ยม
- ประหยัดน้ำมัน
- โหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ (7 Drive Mode) ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ซึ่งผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับโหมดการขับขี่ได้ตามต้องการ ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ปลอดภัย มั่นใจได้ในทุกเส้นทาง ลุยได้ในทุกสภาพถนน ไม่ว่าจะเป็น
- NORMAL (โหมดธรรมดา)
- WET (โหมดถนนเปียก)
- GRAVEL (โหมดถนนขรุขระ)
- TARMAC (โหมดถนนลาดยาง)
- MUD (โหมดถนนโคลน)
- EV PRIORITY MODE (โหมดขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า)
- CHARGE MODE (เครื่องยนต์ทำงานเพื่อชาร์จแบตเตอรี่กลับเข้าไปในระบบ)
- ระบบควบคุมการขับเคลื่อน และสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) ที่ควบคุมการทำงานของล้อด้านในและด้านนอกขณะเข้าโค้ง ให้ทำงานสัมพันธ์กันและรักษาสมดุลของตัวรถ ถือเป็นฟีเจอร์สำคัญในการช่วยลดความเสี่ยงที่รถจะลื่นไถลออกนอกเลนเมื่อต้องเข้าโค้ง โดยเฉพาะทางโค้งที่อันตรายในหลายจังหวัดของประเทศไทย
นอกเหนือจากโหมดขับขี่และระบบช่วยขับอันเป็นไฮไลต์หลักแล้ว ที่พวงมาลัยของ Xpander HEV ยังมีระบบ Cruise Control ซึ่งเป็นระบบขับขี่ด้วยความเร็วคงที่อัตโนมัติ โดยเมื่อเปิดใช้งานจะทำให้ผู้ขับขี่สามารถรักษาความเร็วคงที่ได้อัตโนมัติ ไม่ต้องคอยกดคันเร่งตลอดเวลา ช่วยลดความเมื่อยล้าเมื่อต้องเดินทางไกล หรือเดินทางนานๆ ถือได้ว่าตอบโจทย์ผู้ขับขี่ที่เป็นพ่อบ้านในที่ต้องขับรถออกจากต่างจังหวัดไกลๆ ได้เป็นอย่างดี
หายห่วงทุกเส้นทาง กับระบบความปลอดภัยที่ผ่านการรับรองระดับสากล
แน่นอนว่าหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ใช้รถไว้วางใจที่จะเป็นเจ้าของ Xpander HEV คือความปลอดภัยที่โดดเด่น ด้วยระบบ Diamond Sense ที่ผสานการทำงานของระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลน กล้องมองภาพรอบคัน ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา และระบบเตือนขณะถอยออกจากช่องจอด โดยได้ผ่านการรับรองมาตรฐานการทดสอบการชน ระดับ 4 ดาว ตามเกณฑ์มาตรฐานด้านความปลอดภัย ASEAN NCAP สำหรับความปลอดภัยของ Xpander HEV นอกเหนือจากระบบควบคุมการขับเคลื่อน และสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) แล้ว ยังมีระบบความปลอดภัย ดังนี้
1. ระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน (Active Safety) ช่วยให้การขับขี่ราบรื่น
● RCTA (ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด): เมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง หากเซนเซอร์ด้านหลังตรวจพบรถคันอื่นเข้ามาในรัศมีการตรวจจับ ระบบจะส่งเสียงเตือน และสัญญาณไฟกะพริบ
● BSW with LCA (ระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลน): ทำงานโดยใช้เรดาร์ตรวจจับรถในเลนถัดไปด้านหลัง หากพบรถในจุดอับสายตา จะส่งสัญญาณไฟเตือนที่กระจกมองข้าง และหากมีการเปิดไฟเลี้ยวพร้อมมีรถในบริเวณดังกล่าว ระบบจะส่งเสียงเตือนเพิ่มเติมพร้อมกับไฟเตือนที่กะพริบ
● LDW (ระบบเตือนการออกนอกเลน): จะทำงานตรวจจับรถในเลนข้างเคียงและจะส่งสัญญาณเตือน หากผู้ขับขี่เปิดไฟเลี้ยวเพื่อจะเปลี่ยนเลนขณะมีรถอยู่ในจุดอับสายตา
● MAM (ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา): จะใช้เรดาร์ตรวจจับรถในเลนถัดไปทางด้านหลังในระยะประมาณ 70 เมตร และแสดง สัญญาณไฟเตือนบนกระจกมองข้าง หากมีรถอยู่ในจุดบอด (มีเฉพาะในรุ่น Xpander HEV Cross)
● ABS (ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก): ช่วยป้องกันล้อล็อกขณะเบรกกะทันหัน ทำให้สามารถควบคุมรถเพื่อหักหลบสิ่งกีดขวางได้
● EBD (ระบบกระจายแรงเบรก): ทำงานร่วมกับ ABS เพื่อกระจายแรงเบรกไปยังแต่ละล้อให้เหมาะสม ช่วยลดระยะเบรกให้สั้นลง
● BA (ระบบเสริมแรงเบรก): เพิ่มแรงดันน้ำมันเบรกอัตโนมัติเมื่อเหยียบเบรกกะทันหัน เพื่อให้การหยุดรถทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
● ASC (ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว): ช่วยควบคุมรถไม่ให้เสียการทรงตัวหรือลื่นไถลออกนอกเส้นทางเมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงหรือบนถนนที่ลื่น
● TCL (ระบบป้องกันการลื่นไถล): ป้องกันล้อหมุนฟรีบนถนนลื่นโดยจะช่วยควบคุมการหมุนของล้อให้สมดุล
● HSA (ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน): ช่วยป้องกันรถไหลเมื่อต้องออกตัวบนทางลาดชัน
● ESS (ระบบไฟฉุกเฉินเมื่อเบรกกะทันหัน): ไฟฉุกเฉินจะกระพริบอัตโนมัติเมื่อเบรกอย่างแรง เพื่อเตือนรถคันหลัง
● ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ: ล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อรถมีความเร็วตั้งแต่ 15 กม./ชม. ขึ้นไป
2. ระบบความปลอดภัยเชิงปกป้อง (Passive Safety) ช่วยลดความรุนแรงเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
● โครงสร้างตัวถังนิรภัย RISE BODY: ใช้เหล็กกล้าแรงดึงสูงเพื่อช่วยดูดซับแรงกระแทกและลดการยุบตัวของห้องโดยสาร
● ถุงลม SRS คู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง: ช่วยป้องกันแรงกระแทกที่ศีรษะและลำตัวของผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้าเมื่อเกิดการชน
● การออกแบบเพื่อปกป้องคนเดินถนน (Pedestrian Protection): ออกแบบส่วนหน้าของตัวถังให้ช่วยลดความรุนแรงหากเกิดการชนกับคนเดินถนน
เปรียบเทียบรุ่นย่อย Xpander HEV ตามฟีเจอร์และราคา
มาถึงตรงนี้หลายคนอาจเกิดคำถามถึงความแตกต่างระหว่าง Xpander HEV และ Xpander Cross HEV ว่าแตกต่างกันอย่างไรบ้าง รวมถึงรุ่นพิเศษที่เพิ่มเข้ามาอย่าง Xpander HEV PLAY และ Xpander Cross HEV PLAY อีกด้วย ในส่วนนี้ก็สามารถอธิบายแบบง่ายๆ ได้เลยว่าต่างกันที่การตกแต่งภายนอกและอุปกรณ์เสริมด้านความปลอดภัย โดย Xpander Cross HEV จะมีการเพิ่มกล้องมองภาพรอบคัน - MAM และตกแต่งภายนอกให้ดูสมบุกสมบันยิ่งขึ้น และเพิ่มตัวเลือกของสีเขียวบรอนซ์เข้ามาให้เข้ากับความเป็น Off-Road
ในขณะที่ Xpander HEV PLAY และ Xpander Cross HEV PLAY คือการเสริมเขี้ยวเล็บให้กับทั้งสองรุ่นด้วยชุดตกแต่งกระจังหน้าและภายนอกรอบคันให้มีความสวยงามเข้ากับไลฟ์สไตล์ที่แอ็กทิฟของยุคนี้ สำหรับความแตกต่างของทั้ง 4 รุ่น สามารถดูได้ตามตารางด้านล่าง
ตารางเปรียบเทียบ Xpander HEV ราคาทุกรุ่นในปัจจุบัน
รุ่น (Model) |
ราคา (บาท) |
ฟีเจอร์เฉพาะรุ่น |
Xpander HEV |
939,000 |
(รุ่นพื้นฐาน HEV) |
Xpander Cross HEV |
969,000 |
กระจังหน้าพร้อมชุดตกแต่ง, กันชนหน้าแบบ Vertical Guard, กล้องมองภาพรอบคัน - MAM, ราวหลังคา, แผงตกแต่งข้างประตู และซุ้มล้อแบบ Cross Design |
Xpander HEV PLAY |
981,000 |
- ชุดตกแต่งชายกันชนหน้า, ชุดตกแต่งกันชนข้าง, ชุดตกแต่งกันชนหลัง, ชุดสปอยเลอร์หลัง |
Xpander Cross HEV PLAY |
981,000 |
กันชนหน้า–หลัง, แผงตกแต่งข้างประตู และซุ้มล้อแบบ Cross Design สีดำ, กระจังหน้าสีเดียวกับตัวรถ, ราวหลังคา |
คำนวนค่าใช้จ่ายเบื้องต้น Xpander HEV คลิก
คำนวนค่าใช้จ่ายเบื้องต้น Xpander Cross HEV คลิก
เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่ทำให้ Xpander HEV ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตลาด MPV ในฐานะรถครอบครัว มาจากหลากหลายองค์ประกอบด้วยกัน ตั้งแต่การออกแบบที่โดดเด่นผ่านกระจังหน้าที่โฉบเฉี่ยว การทำงานภายในของระบบขับเคลื่อน Full Hybrid ภายใต้ MITSUBISHI e:MOTION ที่รวมจุดเด่นในการขับขี่จากเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าไว้อย่างลงตัว จนถึงความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารที่ครบครัน และที่ขาดไม่ได้คือระบบความปลอดภัยที่ผู้ใช้สามารถวางใจได้ในทุกเส้นทาง สิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้ Xpander HEV ครองใจผู้ใช้ชาวไทยมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 และเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถครอบครัว 7 ที่นั่งอย่างไม่ต้องสงสัย
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q1: จุดเด่นของ Xpander HEV คืออะไร?
A: การเป็นรถครอบครัว 7 ที่นั่งแบบ Full Hybrid ที่สามารถใช้งานได้ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์
Q2: ทำไม Xpander HEV ถึงเหมาะเป็นรถครอบครัว?
A: ขนาดตัวถังที่ใหญ่ และพื้นที่กว้างขวาง เบาะที่สามารถปรับเปลี่ยนได้อิสระถึง 7 รูปแบบ
Q3: ระบบความปลอดภัยของ Xpander HEV มีอะไรบ้าง?
A: ระบบควบคุมการขับเคลื่อน และสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) ระบบช่วยเบรกและช่วยควบคุมการลื่นไถล, ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง, เทคโนโลยี Diamond Sense, ระบบเตือนจุดอับสายตา, ระบบเตือนการออกนอกเลน และระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ
Q4: Xpander HEV และ Xpander CROSS HEV ต่างกันอย่างไร?
A: Xpander HEV ให้ฟีเจอร์พื้นฐานมาอย่างครบถ้วน ในขณะที่ Xpander CROSS HEV เพิ่มกล้องมองภาพรอบคัน - MAM, ชุดตกแต่งสไตล์ Off-Road และตัวเลือกสีเขียวบรอนซ์ เข้ามา
Q5: เครื่องยนต์ Xpander HEV แรงพอไหม ถ้าขับขึ้นเขาหรือวิ่งทางไกล?
A: สามารถขับขึ้นเขาและวิ่งทางไกลได้ เพราะใช้ระบบ Full Hybrid กับเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร (95 แรงม้า) ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า (116 แรงม้า) จึงให้แรงบิดตอบสนองที่รวดเร็วและเร่งได้ทันใจ